วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554

พีระมิด

http://www.baanmaha.com/community/thread23750.html
พีระมิด

เป็นสิ่งก่อสร้างรูปกรวยเหลี่ยมใช้เพื่อเป็นที่เก็บมัมมี่หรือพระศพของ ฟาโรห์นั่นเอง แต่ก่อนจะมาเป็นพีระมิดนั้น ที่ฝังศพในยุคแรกๆของกษัตริย์และ ราชวงศ์รวมถึงขุนนางชั้นสูง 

                                              http://variety.teenee.com/world/1437.html




http://www.thaigoodview.com/node/10626
http://th.inter-pix.com/landscapes/asia/land_of_the_pyramids/161014-upsee.html
http://www.thaigoodview.com/node/10626
http://www.baanmaha.com/community/thread23750.html

เกมส์ มัมมี่

เกมมัมมี่ เกมส์มัมมี่
http://www.baangame.com/play/mummy/


เกมส์ มัมมี่หาทางเดิน


เกมส์ Mummy Defence เกมส์ป้องกัน มัมมี่ ที่มารุกราน

ภาพยนต์


The Mummy (1999)


http://www.imdb.com/title/tt0120616/

หนังเกิดขึ้นในสมัยอียิปต์ปี 1290 ก่อนคริสศักราช เมื่อ นักบวชอิมโฮเทป(Imhotep) มีความสัมพันธ์ชู้สาวกับสนมอนัคซูนามุน ( Anck Su Namun)ของฟาโรห์เซติที่1 เมื่อความลับเปิดเผยทั้งสองจึงร่วมมือกันสังหารฟาโรห์ จากนั้นอนัคซูนามุนก็ฆ่าตัวตายโดยหวังไว้ว่าอิปโฮเทปจะชุบชีวิตนางคืน หลังจากการฟังศพของอนัคซูนามุน อิปโฮเทปก็ได้ขโมยศพของนางไป ทั้งเขาและลูกน้องนักบวชหนีข้ามทะเลทรายไปที่ฮามันพัตราและพวกเขาได้เริ่ม ต้นพิธีชุบชีวิตของนางอนัคซูนามุนแต่พวกเขาถูกทหารองค์รักษ์ของฟาโรห์เซติขัดขวางก่อน ที่พิธีจะเสร็จ และด้วยความผิดนักบวชและอิปโฮเทปก็ถูกทำให้กลายเป็นมัมมี่ทั้งเป็นและถูกสาปไม่ให้ไปผุดไปเกิด พร้อมฝังด้วงกินเนื้อ เขาถูกฝังในโลงหินใต้รูปปั้นของเทพอนูบิส การดูแลอยู่ภายใต้ทหารผู้มีเชื้อสายขององครักษ์ฟาโรห์เซติ แต่ถ้าอิมโฮเทปคืนชีพอีกครั้งจะทำให้เขาเป็นอมตะ และจะปลดปล่อยสิ่งชั่วร้ายออกมา ทำลายล้างโลก
                    ต่อมา ในปี1926 ที่ไคโร บรรณารักษ์และนักอียิปต์วิทยาชื่อ อีฟเวอรีน คาร์นาฮาน ( Evelyn Carnahan )ได้รับกุญแจและแผนที่เมืองที่สาบสูญจากพี่ชายของเธอ โจนาธาน ( Jonatan Carnahan) โดยเขาบอกว่าพบมันในเมืองทีปส์  หลัง จากนั้นทั้งสองก็พบว่าแผนที่นำทางไปสู่ฮามันพัตรา แล้วโจนาธานก็สารภาพว่าเขาขโมยมันมาจากทหารชาวอเมริกันนาม ริค โอคอนเนล (Rick O'Connellซึ่งตอนนี้อยู่ในคุก ริคบอกสองพี่น้องว่าเขารู้ทางไปเมืองนี้ ริคได้ต่อรองกับอีฟเวอรีนว่าถ้าเธอปล่อยเขาเป็นอิสระจากการถูกแขวนคอเขาจะพา พวกเธอไปที่นั่น ระหว่างทาง พวกเขาได้เจอกับกลุ่มนักล่าสมบัติที่นำโดยนักอียิปต์วิทยาชื่อ ดร.อลัน แชมเบอร์เลน และมีเบนี กาบอร์ อดีตทหารในหน่วยของริคเป็นไกด์ หลัง จากถึงฮามันพัตราไม่นาน ทั้งสองกลุ่มก็ถูกโจมตีโดยกลุ่มเม็จจัยที่นำโดยนักรบชื่อ อาร์เดธ เบย์  และเบย์ได้เตือนพวกเขาถึงความชั่วร้ายที่ถูกฝังอยู่ใต้นครทั้งสองกลุ่มไม่ ฟังคำเตือนของเบย์และสำรวจเมืองต่อไป อีฟเวอรีนอยากจะหาหนังสือแห่งอมันรา หนังสือทำจากทองแท้ที่เชื่อว่าสามารถดึงชีวิตออกจากร่างได้ แต่ดันมาเจอศพของอิปโฮเทปแทน ส่วนอีกทีมเจอกล่องที่มีหนังสือแห่งความตายสีดำพร้อมกับไหคาโนปิกที่บรรจุ เครื่องในของอนัคซูนามุน ที่แต่ละคนในทีมเอาไปเป็นสมบัติ
                    กลางดึก อีฟเวอรีนแอบเอาหนังสือแห่งความตายมาจากอีกกลุ่มและอ่านมัน ทำให้อิปโฮเทปฟื้นขึ้นมา แม้ว่าทั้งกลุ่มจะไปถึงไคโรแต่มัมมี่ก็ตามพวกเขาไป ฆ่าทีละคนเพื่อคืนร่างเดิม แต่เบนีรอดและเจออิปโฮเทป ด้วยความกลัวเขาจึงสาบานว่าจะช่วยอิปโฮเทปตามหานักล่าสมบัติที่เหลือและไหคา โนปิกที่ไคโร  อีฟเวอรีนจึงเดาว่าถ้าหนังสือแห่งความตายทำให้อิปโฮเทปฟื้น  ดังนั้นหนังสือแห่งอามันราน่าจะฆ่าเขาได้ แต่อิปโฮเทปได้เอาตัวอีฟเวอรีนไปเพื่อที่จะบูชายันเอาอนัคซูนามุนกลับมา นักบวชจึงเดินทางกลับฮามันพัตราโดยมีริคกับโจนาธานตามไป อีฟเวอรีนได้ถูกช่วยหลังจากการต่อสู้ระหว่างริคกับมัมมีของอิปโฮเทปและเธอก็ ได้อ่านหนังสือแห่งอามันรา  อิปโฮเทปจึงไม่เป็นอมตะอีกต่อไปและริคได้สังหารเขา ร่างของอิปโฮเทปค่อยๆสลายไปพร้อมกับคำสาบานว่าจะล้างแค้น เบนีก็เกิดซุ่มซ่ามทำให้กับดักทำงานทำให้เขาถูกแมลงสาบกินพร้อมๆกับนครฮามัน พัตราที่พังทลายลงทรายไป ส่วนพวกที่เหลือก็หนีตายออกมาได้อย่างหวุดหวิดและขี่อุฐไปสู่ตะวันที่กำลัง ลับฟ้าพร้อมกับสมบัติ

 

 

 

 

 

The Mummy Returns (2001)


http://www.imdb.com/title/tt0209163/

 ปี 1935 สิบปีหลังจากการเผชิญหน้าอันน่าสะพรึงกลัวกับนักบวชอียิปต์ Imhotep ที่ถูกจับทำมัมมี่ (จากปฐมบท The Mummy) บัดนี้ Rick O'Connell และ Evelyn แต่งงาน และมีลูกชายวัย 9 ขวบชื่อ Alex เด็กน้อยมีนิสัยรักสนุก และชอบผจญภัยจากพ่อ และมีความหลงใหลอารยธรรมโบราณจากผู้เป็นแม่ รวมทั้งยังมีลุง Jonathan Carnahanที่คอยส่งเสริมจินตนาการของหนุ่มน้อยอีก หลายไมล์จากบ้านในลอนดอน ภายใต้เนินทรายแห่งทะเลทรายซาฮาร่า ฝันร้ายกำลังก่อตัวขึ้นอีกครั้ง กลุ่มคนลึกลับอันโหดเหี้ยมกำลังแสวงหาอำนาจ พวกเขาทำการฟื้นคืนชีพซากศพที่แข็งเป็นหินของ Imhotep ที่พิพิธภัณฑ์แห่งอังกฤษ ด้วยความร่วมมือจาก ปีศาจ ล็อค-นาห์ และ มีลา แต่กลับมีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นจากพิธีกรรมของศาสตร์มืดแห่งอียิปต์โบราณ และมีอำนาจมากยิ่งกว่า Imhotep นักรบที่ดุร้าย ซึ่งรู้จักกันในนาม ราชาแมงป่อง หรือ The Scorpion King (แสดงโดย The Rock) ผู้ทำข้อตกลงขายวิญญาณให้กับเทพเจ้า Anubis ผู้ยิ่งใหญ่ เพื่อให้ได้ชัยชนะในการรบครั้งสุดท้าย แต่แล้วกลับทรยศ และถูกสาปชั่วนิรันดร์เมื่อหกพันปีที่แล้วได้ฟื้นคืนชีพมาพร้อมกัน และครั้งนี้ ราชาแมงป่องวางแผนจะยกกองทัพแห่ง Anubis เพื่อกวาดล้างโลกแห่งอารยธรรม เมื่ออำนาจชั่วร้ายทั้งสองต่างเผชิญหน้ากัน โชคชะตาของโลกอยู่บนเส้นด้าย Alex ถูกลักพาตัวไป เพราะเขามีข้อมือของ Anubis ที่ค้นพบระหว่างครอบครัวออกสำรวจพีรามิด ข้อมือนี้สามารถนำไปปลดปล่อยมัมมี่เพื่อที่จะมาเอาชนะราชาแมงป่อง และครองโลกได้สำเร็จ สองสามีภรรยาจึงต้องเดินทางข้ามทะเลทรายซาฮารา โดยติดตามร่องรอยที่ Alex ทิ้งไว้ มุ่งไปยังโอเอซิสแห่ง Ahm Shere ภายใต้ปิรามิดทองคำอันเป็นที่เร้นตัวของราชาแมงป่อง เพื่อช่วยชีวิตลูกชาย และช่วยกู้โลกนี้ไว้จากความชั่วร้ายที่สุดพรรณาก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป   

 

 

 


 


The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor (2008)

 

http://www.imdb.com/title/tt0859163/

นักสำรวจ ริก โอคอนเนลล์ (เบรนเดน เฟรเซอร์) ลูกชายของเขา อเลกซ์ (ลุก ฟอร์ด) ภรรยาของริก เอเวอลีน (มาเรีย เบลโล) และ พี่ชายสุดเฟอะฟะของเธอ โจนาธาน (จอห์น ฮันนาห์) ต้องร่วมมือกันต่อสู้กับมัมมี่อีกครั้ง หลังจากอเล็กซ์ไปปลุกจักรพรรดิมังกรผู้โหดเหี้ยมให้ฟื้นตื่นจากการหลับไหล ชั่วนิรันดร์
จักรพรรดิมังกร (เจต ลี) ที่มีจิตใจอำมหิตของแผ่นดินจีน พร้อมนักรบจำนวน 10,000 นาย เคยถูกฝังลืมเป็นระยะเวลาชั่วกัปชั่วกัลป์ จนกลายเป็นกองทัพดินเผาที่ซ่อนตัวอยู่ในสุสาน ภายใต้คำสาปของซิหยวน (มิเชลล์ โหยว) เมื่อฟื้นคืนชีพอีกครั้ง จักรพรรดิมัมมี่ต้องการปลุกกองทัพนักรบของเขาให้กลายเป็นกองทัพผีที่ใครก็ หยุดไม่ได้ และใช้อำนาจเหนือธรรมชาติที่มีอยู่อย่างเหลือล้นในตอนนี้ ยึดครองโลก



วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

มัมมี่ คือ


http://www.thamwebsite.com/cty/tiplearn/old/pages/mummi.htm
มัมมี่ (อังกฤษ: Mummy) คือศพที่ดองหรือแช่ในน้ำยาพิเศษในประเทศอียิปต์ พันทั่วทั้งร่างกายด้วยผ้าลินินสีขาว เพื่อเป็นการรักษาสภาพของศพเพื่อรอการกลับคืนร่างของวิญญาณผู้ตาย ตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ คำว่า "มัมมี่" มาจากคำว่า "มัมมียะ" (Mummiya) ซึ่งเป็นคำในภาษาเปอร์เซีย มีความหมายถึงร่างของซากศพที่ถูกดองจนกลายเป็นสีดำ โดยชาวอียิปต์โบราณจะทำมัมมี่ของฟาร์โรและเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ และนำไปฝังในลักษณะแนวนอนภายใต้พื้นแผ่นทรายของอียิปต์ อาศัยแรงลมที่พัดผ่านในแถบทะเลทรายอาระเบียและทะเลทรายในพื้นที่รอบบริเวณของอียิปต์ เพื่อป้องกันการเน่าเปื่อยของซากศพที่อาบด้วยน้ำยา
ในอียิปต์โบราณมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของชีวิตหลังความตาย เกี่ยวกับการหวนกลับคืนร่างของวิญญาณ โดยมีความเชื่อว่าเมื่อวิญญาณออกจากร่างไปชั่วระยะเวลาหนึ่งจะหวนกลับคืนสู่ร่างเดิมของผู้เป็นเจ้าของ จึงต้องมีการถนอมและรักษาสภาพของร่างเดิม โดยการแช่และดองด้วยน้ำยาบีทูมิน ซึ่งจะช่วยรักษาและป้องกันไม่ให้ซากศพเน่าเปื่อยผุผังไปตามกาลเวลา

                                               http://th.wikipedia.org/wiki/มัมมี่


http://www.oknation.net/blog/firmflex/page2


http://mpcha.wikispaces.com/3-2task1g7
http://www.thamwebsite.com/cty/tiplearn/old/pages/mummi.htm

ขั้นตอนการทำมัมมี่


ขั้นตอนการทำมัมมี่ มีอยู่ 13 ขั้นตอน ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1

ศพถูกนำไปยังเต๊นท์พิเศษ ที่เรียกว่า อีบู ซึ่งมีความหมายว่า สถานที่ชำระศพให้บริสุทธิ์ ผู้ทำมัมมี่จะอาบศพด้วยเหล้าที่ทำจากน้ำตาลสด และชำระล้างด้วยน้ำจากแม่น้ำไนล์

ขั้นตอนที่ 2

ช่างก็จะผ่าช่องท้องด้านซ้ายเพื่อเอาอวัยวะภายในออก เนื่องด้วยอวัยวะภายใน ซึ่งมีความชื้นสูง จะเป็นสิ่งแรกที่เน่าสลายอย่างรวดเร็ว จึงต้องเอาออก เหลือไว้แต่หัวใจที่จะทิ้งไว้ภายในศพ เพราะพวกเขาเชื่อว่า หัวใจคือศูนย์รวมแห่งปัญญาและความรับรู้ทั้งปวง ที่ผู้ตายยังต้องการใช้ในโลกแห่งวิญญาณ

ขั้นตอนที่ 3

ส่วน ตับ ปอด กระเพาะ และลำไส้ จะถูกนำมาชำระล้างจนสะอาด แล้วนำไปกลบไว้ด้วยเกลือเม็ดที่เรียกว่า Natron ซึ่งเป็นเกลือโซเดียมคาร์บอร์เนต

แล้วเขาจะสอดตะขอผ่านเข้าทางช่องจมูก เพื่อเกี่ยวเอาเนื้อสมองออกมาเพราะสมองก็เหมือนอวัยวะภายในที่มีความชื้นสูง ถ้าทิ้งไว้จะทำให้แห้งยาก และก่อให้เกิดการย่อยสลายได้ง่าย

ขั้นตอนที่ 4

จากนั้นก็เอาศพไปวางกลบด้วยเกลือเม็ดให้แห้ง ของเหลวจากร่างกาย และผ้าที่ใช้ในการเตรียมศพทุกชิ้น ก็จะเก็บรักษาไว้อย่างดี เพื่อนำไปฝังพร้อมกับศพ

ขั้นตอนที่ 5

ช่องว่างภายในก็ใส่เกลือเม็ดไว้ เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย อันจะทำให้ร่างเปื่อยเน่าสูญสลายไปได้

ขั้นตอนที่ 6

ศพจะถูกแช่เกลือไว้สี่สิบวันจนแห้งดี แล้วจะถูกนำมาชำระล้างด้วยน้ำจากแม่น้ำไนล์อีก แล้วจะเคลือบผิวหนังด้วยน้ำมันเพื่อให้ผิวหนังคงสภาพอ่อนนุ่มไม่แห้งกระด้างไปตามกาล
เวลา

ขั้นตอนที่ 7

อวัยวะภายในที่แห้งแล้วจากการแช่เกลือ ก็จะถูกนำกลับมาบรรจุในช่องท้องและช่องอกตามเดิม

ขั้นตอนที่ 8

แล้วจะเติมด้วยของแห้งอย่างอื่นให้เต็ม เช่นขี้เลื่อยหรือใบไม้และผ้าลินิน เพื่อให้ดูเหมือนยามมีชีวิตอยู่ ไม่ยุบตัวลงไปตามกาลเวลาในภายหลัง

ขั้นตอนที่ 9

จากนั้นก็จะชำระศพด้วยน้ำมันหอมอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะนำไปพันผ้าลินินในขั้นต่อไป

การพันห่อมัมมี่

ขั้นแรก ศีรษะและลำคอจะถูกพันก่อน ด้วยแถบผ้าลินินอย่างดี แล้วก็จะพันนิ้วมือและนิ้วเท้าแยกกันทีละนิ้ว แล้วก็พันห่อแขนและขา แต่ละทบก็จะใส่เครื่องราง เพื่อปกปักรักษาผู้ตายในระหว่างการเดินทางไปสู่ภพใหม่


ขั้นตอนที่ 10

ในขณะที่ร่างของมัมมี่กำลังถูกห่อพันด้วยผ้าลินิน ก็จะมีพระท่องมนต์ เพื่อขจัดสิ่งที่เลวร้ายมิให้แผ้วพานผู้ตาย และเป็นการช่วยให้ผู้ตายเดินทางได้สะดวกในภพหน้า

 

ขั้นตอนที่ 11

แล้วแขนขามัมมี่ก็จะถูกพันเข้ากับส่วนร่าง ตำรา “มนตราสำหรับผู้ตาย” ก็จะรวมห่อไปด้วยให้ถือไว้ในมือของมัมมี่

ขั้นตอนที่ 12

จากนั้นก็จะพันผ้าเพิ่มรวมให้ร่างถูกพันรวมกันหมด แต่ละชั้นของผ้าลินิน ผู้ทำมัมมี่ก็จะทาไว้ด้วยเรซิน เพื่อให้ผ้าลินินยึดติดกันไม่หลุดรุ่ยออกได้ง่าย แล้วห่อด้วยผ้าผืนใหญ่อีกทีหนึ่ง จากนั้นก็จะวาดรูปเทพ โอซีรีส บนผ้าที่ห่อมัมมี่นั้น

ขั้นตอนที่ 13

จากนั้นก็เอาผ้าผืนใหญ่ห่ออีกชั้นหนึ่ง แล้วมัดตราสังข์ด้วยแถบผ้าลินินตลอดร่างอย่างแน่นหนาอีกเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็ปิดด้านบนของมัมมี่ด้วยแผ่นกระดานก่อนที่จะเอาไปใส่ในโลงศพสองโลงซ้อนกัน ในพิธีศพ ญาติพี่น้องของผู้ตายมาไว้อาลัยและทำพิธี “เปิดปากศพ” เพื่อเป็นการเลี้ยงอาหารให้ผู้ตายเป็นครั้งสุดท้าย

ขั้นสุดท้าย ก็จะเอาโลงไปใส่ในโลงหินแกะสลัก ที่ตั้งอยู่ในสถานเก็บศพพร้อมด้วยเครื่องเรือน เสื้อผ้า ของมีค่า อาหารและเครื่องดื่ม จะถูกจัดวางไว้อย่างพร้อมเพรียง เป็นเสบียงกรังให้ผู้ตายได้เดินทางสู่ปรภพโดยสะดวก

แล้วร่างของผู้ตาย ก็พร้อมที่จะออกเดินทางสู่ดินแดนใต้โลก ที่ที่หัวใจของเขาจะถูกตัดสินตามความดีที่ได้ทำไว้ยามมีชีวิตอยู่ หากมีหัวใจบริสุทธิ์จริง ผู้ตายก็จะถูกส่งไปดินแดนอันสวยงามเพื่อชีวิตอันเป็นอมตะ ในดินแดนที่เรียกว่า ทุ่งต้นกก

ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่า ก่อนผู้ตายจะไปยังปรภพได้ ก็ต้องผ่านดินแดนใต้โลก อันเป็นที่ที่เต็มไปด้วยมารร้าย สัตว์ที่ดุร้ายต่าง ๆ ซึ่งผู้ตายจะต้องอาศัยมนต์ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อปกป้องให้เดินทางได้โดยปราศจากภัยร้ายมาแผ้วพาน มนตราเหล่านี้จารึกอยู่ในสมุดบันทึกที่เรียกว่า “มนตราสำหรับผู้ตาย” ซึ่งเป็นตำราเขียนลงบนม้วนกระดาษปาปีรุส และจะถูกฝังไปด้วยกันกับผู้ตายในปิรามิด และก็เป็นการเสร็จสิ้นวิธีการทำมัมมี่…

http://patitta.wonglamsam.com/mummy/mummy16.htm